น้องหมาก็มีหัวใจนะ(4), รวมรายชื่อโรงแรมสุนัข, กำเนิดโกลเดนรีทริฟเวอร์

รวมความรู้ ทิป และเทคนิคทั่วไป
vaddanai
Hero Member
Hero Member
โพสต์: 693
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 26 ก.พ. 2007 1:32 am

Re: เรื่องเกี่ยวกับ น้องหมา

โพสต์โดย vaddanai » อังคาร 15 พ.ค. 2007 1:50 am

แว้วเผ่าชักชีมันคืออีหยังเกอะคับ

หมาไทยถ้าเลี้ยงดีๆก็น่ารักไม่แพเฝรั่งหรอกครับ
บางทีป๋มยังเคยเจอหมาน่ารักๆที่วัดเลย

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

Re: เรื่องเกี่ยวกับ น้องหมา

โพสต์โดย kobana » อังคาร 15 พ.ค. 2007 2:02 am

เป็นชื่อชนเผ่านึง ในไซบีเรียไงล่ะจ๊ะ อย่าถามเพิ่มนะ ไม่รู้เหมือนกันจ้า

จริงๆ จะน้องหมา ไทย หรือฝรั่งก็น่ารักแหละค่ะ ถ้านิสัยดี ก็เหมือนคนแหละ

ART_T
VIP Member
VIP Member
โพสต์: 3525
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 19 มี.ค. 2007 11:26 am
ติดต่อ:

Re: เรื่องเกี่ยวกับ น้องหมา

โพสต์โดย ART_T » พุธ 16 พ.ค. 2007 1:39 pm

วันนี้ทะเลาะกับแฟน เซ็งสุดๆเลย เรื่องหมานี่แหละ คือแฟนผมเปิดร้านทำผม แล้วตัวเขาเองก้อเป็นโรคภูมแพ้
เธอชอบบอกว่าเมื่อไหร่หมาเราจะตายซะที ไม่ก้อเอาไปปล่อยวัด พูดง่ายๆ เราทนมาหลายครั้งและ แต่วันนี้มันเหลืออดจริงๆ
เรายิ่งอารมณ์ไม่ค่อยจะดีอยู่ แล้ววันนี้เธอมาตีหมาผม ยอมไม่ได้ หมาก้อรัก คนก้อรัก ไม่รู้จะทำไงดี

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

Re: เรื่องเกี่ยวกับ น้องหมา

โพสต์โดย kobana » พุธ 16 พ.ค. 2007 4:13 pm

ใจเย็นๆ นะคะ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้
ที่เค้าพูดอย่างนั้น อาจเป็นเพราะเค้าเป็นโรคภูมิแพ้ก็เป็นได้ ไม่ใช่ว่าเค้าจะเกลียดน้องหมาก็เป็นได้
แต่ถ้าต้องเอาไปปล่อยจริงๆ ก็สงสารน้องหมา มากที่สุดในโลก เพราะเค้าติดสนิทกับเจ้าของแล้ว
ถ้าให้แยก ... น่าสงสารจัง....

ART_T
VIP Member
VIP Member
โพสต์: 3525
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 19 มี.ค. 2007 11:26 am
ติดต่อ:

Re: เรื่องเกี่ยวกับ น้องหมา

โพสต์โดย ART_T » พุธ 16 พ.ค. 2007 6:49 pm

ผมก้อไม่รู้จะทำไง แต่ยังไงก้อไม่มีวันเอาลูกๆปปล่อยแน่

ToNaRo
Full Member
Full Member
โพสต์: 198
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 07 พ.ค. 2007 2:02 pm
ที่อยู่: in Internet

Re: เรื่องเกี่ยวกับ น้องหมา

โพสต์โดย ToNaRo » พุธ 16 พ.ค. 2007 9:06 pm

โรคภูมิแพ้รักษาหายได้นะ ปรึกษาหมอได้
http://twitter.com/Turtonz

http:/turtonz.flixya.com

sassy
Extra Membership
Extra Membership
โพสต์: 5302
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 02 ม.ค. 2007 1:17 pm
ที่อยู่: บนดิน

Re: เรื่องเกี่ยวกับ น้องหมา

โพสต์โดย sassy » พุธ 16 พ.ค. 2007 9:12 pm

เรื่องของท่านปังเจมส์เปนอารายที่หนักใจอย่างแรง  :-\

น่าจาทำแบบท่านโทนาโรบอก
ไปหาหมอ รักษาอาการภูมิแพ้อ่าค่ะ
น่าจาดีที่สุด ถ้าจะต้องเลือกอย่างไดอย่างนึงนี่ก้อนะ...  :-\

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

Clicker Training ฝึกให้เชื่องได้ ด้วยเสียง คลิก คลิก

โพสต์โดย kobana » เสาร์ 19 พ.ค. 2007 4:36 pm

จากเครื่องนับจำนวนที่กลายเป็นแฟชั่นติดตัววัยรุ่นในบ้านเรามาสักพักแล้ว แต่รู้มั้ยว่าเจ้าอุปกรณ์มีเสียงขนาดเล็กนี้ยังสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยฝึกสุนัข แมว นก หรือแม้แต่สัตว์อื่นได้ด้วยนะ

ในต่างประเทศนั้นหลักสูตร Clicker Training มีมาตั้งแต่ยุค 1940 และได้รับความนิยมอย่างมากจนมีตำราและซีดีของหลายครูฝึกสุนัขให้เลือกซื้อมาลองฝึกได้ด้วยตนเอง แต่สำหรับในเมืองไทยยังไม่ค่อยแพร่หลายนัก

Clicker Training อาศัยหลักการเดียวกับการฝึกปลาโลมา แมวน้ำ อย่างที่เราเคยเห็นกันก็คือ การใช้นกหวีดและการให้รางวัลมาเป็นตัวกระตุ้นให้สัตว์ทำตามคำสั่ง เพียงแต่เปลี่ยนจากนกหวีดมาเป็นคลิกเกอร์ ซึ่งเมื่อนำมาใช้กับสุนัขก็ยิ่งง่ายใหญ่ เพราะสุนัขเป็นสัตว์ที่มีความฉลาด เรียนรู้เร็ว และจดจำเสียงต่างๆ ได้ดี โดยสัญญาณ "คลิก" ที่กดจะหมายถึงสุนัขได้ทำท่าทางหรืออาการตามที่เจ้าของต้องการ เมื่อเขาทำได้ก็ต้องให้รางวัลทุกครั้งไป โดยอาจเป็นอาหารเม็ดหรืออาหารอื่นๆ ที่สุนัขชอบมาก  ดังนั้น การกดคลิกแต่ละครั้งจึงมีความสำคัญ เพราะถ้าคุณเผลอไปกดคลิก แล้วไม่มีรางวัล ครั้งต่อๆ ไปเสียงคลิกก็จะไม่มีความหมาย ในบางครั้งหลังคลิกและให้รางวัล คุณอาจลูบตัวมันเบาๆ แล้วบอกว่า ทำได้ดีแล้วนะ เพื่อสร้างกำลังใจให้สุนัขพยายามมากขึ้น

ฟังดูแล้วเหมือนง่ายหากจะฝึกด้วยตนเอง แต่ขอบอกว่าคุณต้องใจเย็นและใช้เวลาสักหน่อย ทางที่ดีคุณและสุนัขควรไปเข้าคอร์สฝึกจากผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า เพราะถ้าฝึกเองแล้วไม่เวิร์กอาจทำให้สุนัขสับสนกับเสียงคลิกๆ และการฝึกขั้นต่อไปไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ที่สำคัญหลักสูตรนี้ไม่มีการบังคับหรือลงโทษ เช่น การตี หรือกระตุกโซ่คอให้สุนัขต้องเจ็บปวดเหมือนการฝึกแบบเก่า เพราะ Clicker Training ต้องการเน้นให้สุนัขเกิดความสนุกสนานและมีความสุขไปพร้อมกับเจ้าของ เหมือนเป็นการเล่นเกมกันระหว่างคุณกับเพื่อนสุดเลิฟนั่นเอง

หากคุณอยากฝึกสุนัขตามหลักสูตรนี้ด้วยตนเองเข้าไปดูตำราและอุปกรณ์ได้ที่ www.clickertrainning.com หรือโทรสอบถามหลักสูตรการฝึก Clicker Training ได้ที่ศูนย์ฝึกสุนัข Pet Planet Club โทร. 08-6303-4124, 08-6648-6844, 0-2961-9020 ขอให้คุณและน้องหมามีความสุขกับการฝึก Clicker Training นะคะ


Lisa 4.10.06

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

Pet Taxi

โพสต์โดย kobana » เสาร์ 19 พ.ค. 2007 4:41 pm

บริการใหม่จากร.พ.สัตว์ทองหล่อ เพื่อเอาใจและมอบความสะดวกสบายให้แก่คนรักสัตว์ เพียงกริ๊งกร๊างไปที่ 0-2712-6301-4 ต่อ 200-1 ในช่วงเวลา 09.00-17.00 น. ก็จะมีรถแท็กซี่มารับ - ส่งสัตว์เลี้ยงของคุณให้ถึงร.พ. จะไปอาบน้ำตัดขน หรือพบสัตวแพทย์ดูอาการเจ็บป่วยก็ได้หมด รับประกันว่า สัตว์เลี้ยงของคุณจะถึงที่หมายโดยปลอดภัย สะดวก และสะอาดทั้งตัวรถและกรงที่เตรียมไว้ให้ ซึ่งบริการนี้เขาได้มาตรฐาน ISO 9001:2000 ด้วยนะ

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

ข้อดีเกินคาด ของ สุนัขพันทาง

โพสต์โดย kobana » พฤหัสฯ. 24 พ.ค. 2007 10:17 pm

ค่านิยมของผู้ที่เลี้ยงสุนัขนั้นย่อมต้องการเลี้ยงสุนัขที่มีการสืบทอดสายพันธุ์แท้โดยที่ไม่มีพันธุ์อื่นมาผสม เพราะต้องการความสวยงามตามต้นฉบับของสายพันธุ์ดั้งเดิม และเข้าใจว่าสุนัขพันธุ์แท้จะมีความเฉลียวฉลาดและสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งหากจะพูดในเรื่องของความสวยงามแล้วนั้นก็คงจะไม่ผิด แต่ในเรื่องความแข็งแรงและสติปัญญาแล้วล่ะก็ สุนัขพันทางกินขาด ซึ่งจากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ได้ผลสรุปออกมาว่า สุนัขพันทางมักจะฉลาดและช่างประจบ เหมาะที่จะเป็นสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้สุนัขพันทางมักไม่ค่อยมีโรค หรือความผิดปกติที่ถ่ายทอดมาทางกรรมพันธุ์เท่ากับสุนัขพันธุ์แท้ ถ้าเทียบอายุขัยกันแล้ว สุนัขพันทางมีอายุยืนยาวกว่าสุนัขพันธุ์ 4-5 ปี ทีนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วล่ะว่าจะหาสุนัขพันธุ์แท้ หรือพันทาง มาเลี้ยงไว้ในบ้านดี



Lisa 27.1.05

chareonwong
Nb Member
Nb Member
โพสต์: 40
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 24 พ.ค. 2007 11:46 am
ติดต่อ:

Re: เรื่องเกี่ยวกับ น้องหมา

โพสต์โดย chareonwong » ศุกร์ 25 พ.ค. 2007 11:31 am

หมาน่ารักครับ
มีแต่คนชอบ
แต่คนน่ารักไม่รู้ว่าจะมีใครชอบหรือป่าวอะดิ!!!
????????????????????????????? ?????? ??????????????
รูปภาพ

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

"กล้าหาญ ฉลาด รักเด็ก ต้อง โดโก้ อาร์เจนติโน"

โพสต์โดย kobana » ศุกร์ 25 พ.ค. 2007 10:28 pm

สุนัขพันธุ์โดโก้ อาร์เจนติโน (Dogo Argentino) อาจไม่คุ้นกับคนไทยเท่าไรนัก แต่มีการนำเข้ามาเลี้ยงในบ้านเราประมาณ 10 ปีมาแล้ว เป็นสุนัขที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาจากประเทศอาร์เจนตินา โดยการนำสุนัข 10 สายพันธุ์ที่มีลักษณะที่ดีมาผสมผสานให้เป็น 1 เดียวเพื่อให้เกิดสุนัขสายพันธุ์อเนกประสงค์ ซึ่งการพัฒนาสายพันธุ์เริ่มขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2468 โดยวัยรุ่น 2 พี่น้องชาวอาร์เจนตินา ที่ต้องการพัฒนาสายพันธุ์สุนัขให้มีสีสันและเหมาะที่จะเลี้ยงไว้สำหรับล่าเนื้อ เขาใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาพันธุ์จนได้สุนัขพันธุ์นี้ที่มีสุขภาพจิตที่มั่นคง และโครงสร้างรูปร่างที่สมบูรณ์ เต็มไปด้วยพละกำลัง มีความว่องไวในการล่าเหยื่อ มีจมูกที่ไวต่อการรับกลิ่น มีความกล้าหาญและปราศจากความขลาดกลัว จนไม่นานมานี้หลายประเทศก็ได้มีการนำเอาสุนัขพันธุ์นี้มาฝึกเพื่อช่วยเหลือคนพิการ และคอยปกป้องสุภาพสตรีที่เดินหรือวิ่งออกกำลังกาย นอกจากนั้นยังนำไปฝึกเพื่อใช้ในกิจกรรมของทหารและตำรวจอีกด้วย



Lisa 12.5.05

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

รักสัตว์เลี้ยง แต่พอดี ไม่มีโรคภัย

โพสต์โดย kobana » ศุกร์ 25 พ.ค. 2007 10:51 pm

การเลี้ยงสัตว์อย่างใกล้ชิดกับมนุษย์ (มากๆ) เช่น กินอาหารช้อนเดียวกัน ให้สุนัขเลียปาก หรือการนำสัตว์เลี้ยงไปนอนด้วยกัน จะมีอันตรายต่อคนเรามากน้อยเพียงใด จริงๆ แล้วคุณไม่ควรใช้ช้อนร่วมกับสุนัขหรือแมว รวมทั้งสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่คุณเลี้ยงไว้ก็ตาม เพราะโรคบางอย่างสามารถติดต่อจากคนสู่สัตว์และจากสัตว์สู่คนได้ เช่น โรคภูมิแพ้ แบคทีเรีย อีกทั้งยังมีพยาธิและโรคอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนเรื่องการนำสัตว์เลี้ยงไปนอนบนเตียง หรือร่วมห้อง ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะคุณอาจแพ้ขนหรือน้ำลายสัตว์เลี้ยงได้ อีกทั้งเห็บหมัด ในตัวของสัตว์เลี้ยงก็อาจจะเข้าไปอยู่บนศีรษะ หรือไต่เข้าไปในรูหูของคุณก็เป็นได้ ทางที่ดีควรจะแยกที่นอนของสัตว์เลี้ยงให้อยู่ห่างจากที่นอนของคุณจะดีกว่า การรักและเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องที่ดี แต่หากรักมากเกินพอดีจนทำเอาเจ้าของต้องเจ็บป่วยไปล่ะก็ เปลี่ยนความคิดซะจะดีกว่า




Lisa 21.4.05
แก้ไขล่าสุดโดย kobana เมื่อ ศุกร์ 25 พ.ค. 2007 11:06 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

สุนัขหลังอาน เป็นที่ชื่นชอบของต่างชาติ

โพสต์โดย kobana » อาทิตย์ 03 มิ.ย. 2007 6:20 pm

สุนัขหลังอาน เป็นสุนัขสายพันธุ์ไทยแท้ที่ดูสง่ามีเสน่ห์โดยธรรมชาติ โดดเด่นด้วยขนสั้น และอานซึ่งเกิดจากขนอยู่บนแนวหลัง จัดได้ว่าเป็นสุนัขที่มีความอดทนและมีความสามารถในการกระโดดได้เป็นเยี่ยม เคยมีบันทึกเกี่ยวกับสุนัขหลังอานไว้ในสมุดใบข่อยตั้งแต่ในยุคโบราณสมัยพระเจ้าทรงธรรม ในราวปี พ.ศ. 2130 ว่า "สุนัขตัวมันใหญ่ มันสูง 2 ศอกเศษ มันมีสีต่างๆ ไม่ซ้ำกัน มันภักดีกับผู้เลี้ยง มันรักหมู่พวกของมัน" เสน่ห์ของสุนัขไทยหลังอานที่ชาวต่างชาติชื่นชอบก็คือความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ต้องแต่งเติมเหมือนสุนัขบางสายพันธุ์ที่ต้องตัดหางหรือตัดแต่งหูู คุณรู้มั้ยว่าสุนัขหลังอาน ที่ส่งไปขายยังตลาดยุโรปและสหรัฐฯ นั้นราคาตัวละ 54,000-72,000 บาท (1,500-2,000 ดอลลาร์) เลยทีเดียว



Lisa 28.2.07

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

ซอร์บา...เจ้าตูบตัวยักษ์

โพสต์โดย kobana » อังคาร 12 มิ.ย. 2007 6:02 pm

ใครอาจจะคิดว่า ผู้ ญ ตัวเล็กๆ เลี้ยงหมาตัวใหญ่ๆ ดูน่ารักไปอีกแบบดีนะ แต่อย่าเผลอไปเลี้ยงพันธุ์ English Mastiff เชียว เพราะมันใหญ่ยักษ์เสียจนติดอันดับโลกไปแล้ว

เจ้าตูบตัวใหญ่ติดอันดับโลกนี้ชื่อว่า ซอร์บา บ้านเกิดเมืองนอนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ  Guiness Book of World Records  เจ้าประจำกล่าวว่า ซอร์บาเป็นหมาพันธุ์ English Mastiff ที่ได้รับการบันทึกว่าตัวใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนัก 143 ก.ก. สูง 94 ซ.ม. และมีความยาวจากจมูกถึงหาง 251 ซ.ม. ขณะอายุได้ 8 ปี ใหญ่กว่าเซนต์เบอร์นาร์ดเยอะทีเดียว

สำหรับนิสัยใจคอของหมายักษ์พันธุ์นี้ค่อนข้างสุภาพ เรียบร้อย เป็นมิตรกับเด็ก เชื่อฟังดี ซื่อสัตย์ และปกป้องเจ้าของสุดตัว เรียกว่า ถ้ามีใครมาบ้านแล้วเจ้าของยังลังเล เจ้าตูบก็จะนั่งขวางประตูอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมไปไหน จนกว่าเจ้าของจะคอนเฟิร์มแขกก่อน จึงจะได้รับอนุญาตจากเจ้าตูบให้เข้าบ้านมาได้

เอ... ถ้าเจอหนุ่มคนไหนนิสัยไม่ค่อยดี พามาให้เจ้าตัวนี้สแกนเล่นดีมั้ยนะ



Lisa 30.5.07

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

คำถาม-คำตอบ เกี่ยวกับ พยาธิหนอนหัวใจ เจ้าวายร้ายปลิดชีพน้องหมาผู้น่ารักของเราไป

โพสต์โดย kobana » พฤหัสฯ. 02 ส.ค. 2007 9:25 pm

"สุนัขสามารถเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจได้หรือไม่"

รูปภาพสุนัขสามารถป่วยด้วยโรคพยาธิหนอนหัวใจได้ ไม่ว่าสุนัขจะอาศัยอยู่นอกบ้าน หรือแม้แต่ภายในบ้านตลอดเวลา สุนัขสามารถติดโรคพยาธิหนอนหัวใจได้ด้วยยุง โดยเฉพาะยุงตัวเมียที่ต้องกัดกินเลือด ยุงจะเป็นพาหะนำพยาธิระยะติดต่อมาสู่สุนัข ยุงเพศเมียเป็นแมลงขนาดเล็ก จึงสามารถผ่านเข้าออกช่องหน้าต่าง ประตูบ้าน หรือรูต่างๆ เข้ามาภายในบ้านได้ สุนัขทุกตัวจึงมีโอกาสติดและป่วยเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจได้ทุกตัว แม้ว่าจะอยู่ในบ้านก็ตาม ถ้ายุงที่กัดมีเชื้อพยาธิอยู่ ดังนั้นในบริเวณที่มีตัวกักโรค(สุนัขที่ป่วยและไม่ได้รับการรักษา)จะเป็นตัวแพร่เชื้อให้กับสุนัข หรือแมวตัวอื่นๆ หรือทำให้สัตว์ตัวอื่นอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงต่อการติดโรคพยาธิหนอนหัวใจ indoors or out.

"สุนัขบางตัวมีความไวต่อการเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจใช่หรือไม่"

ยังไม่มีรายงานการศึกษาใดๆ ที่ชี้ว่าสุนัขตัวใด สายพันธุ์ใดมีภูมิต้านทานต่อโรคพยาธิหนอนหัวใจ

"จะทราบได้อย่างไรว่าสุนัขป่วยเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจแล้ว"

รูปภาพการที่จะทราบว่าสุนัขป่วยเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจหรือไม่ มีหนทางเดียวคือนำสุนัขไปพบสัตวแพทย์ เพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคนี้ การตรวจมีด้วยกันหลายวิธี ทั้งวิธีที่ง่ายจนถึงวิธีการที่มีขั้นตอนซับซ้อน แต่ทั้งนี้ก็ใช้เวลาไม่มากก็สามารถทราบผลได้ แต่ไม่ควรรอที่จะตรวจร่างกาย โดยเฉพาะในประเทศไทยพบมีการระบาดของโรคนี้มากพอสมควร โดยเฉพาะในเขตชุมชน กรณีที่ทราบว่าสุนัขป่วยด้วยโรคพยาธิหนอนหัวใจแล้ว สามารถให้การรักษาได้ แต่การรักษายังไม่ถือว่าปลอดภัยสำหรับการรักษาได้อย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากผลข้างเคียงภายหลังจากการรักษา รวมทั้งยาที่ใช้ในการรักษามีราคาค่อนข้างแพง

"เมื่อไหร่จึงควรนำสุนัขไปตรวจว่าเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจหรือไม่"

ยุงคือพาหะของโรคนี้ ยุงที่เป็นพาหะสามารถพบได้ตลอดเวลา ดังนั้นสุนัขมีโอกาสติดโรคได้ตลอดเวลา เวลาที่เหมาะสมที่จะต้องนำสุนัขไปตรวจการป่วยเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์

"จะสามารถป้องกันสุนัขไม่ให้ป่วยด้วยโรคพยาธิหนอนหัวใจได้อย่างไร"

ถ้าผลการตรวจพบว่าสุนัขไม่ติดเชื้อพยาธิหนอนหัวใจ การป้องกันโรคนี้ก็จะทำได้ง่ายๆ ทั้งนี้ควรปรึกษาสัตวแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ ด้วยการจัดโปรแกรมการฉีดยาป้องกัน หรือการกินยาป้องกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องจำไว้เสมอ ก่อนที่จะใช้โปรแกรมการป้องกันใดๆ ต้องนำสุนัขไปตรวจการติดเชื้อเสียก่อน

fr: http://www.vet.ku.ac.th/library-homepag ... hw_inf.htm

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

โรคไข้หัดสุนัข canine distemper

โพสต์โดย kobana » พฤหัสฯ. 02 ส.ค. 2007 9:37 pm

ไข้หัดสุนัขคืออะไร

        ไข้หัดสุนัข หรือ canine distemper เป็นโรคที่เกิดขึ้นในสัตว์ตระกูลสุนัข ไข้หัดเป็นโรคชนิดที่มีผลต่อประชากรสุนัขในโลกมากที่สุดโรคหนึ่ง.

        สุนัขที่โตเต็มที่ที่ติดเชื้อนี้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์จะตาย ส่วนในลูกสุนัขอัตราการป่วยตายประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์

        ในสุนัขบางตัวที่ป่วยและมีภูมิต้านทานต่อเชื้อ สุนัขอาจจะไม่ตายจากการติดเชื้อ แต่มักจะมีความผิดปกติ(ตลอดไป) เช่น เกี่ยวกับระบบประสาท เนื่องจากเชื้อไวรัสทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาท รวมทั้งประสาทรับกลิ่น การฟัง หรือแม้กระทั่งเกี่ยวกับการมองเห็น ส่วนอาการที่ทำให้เกิดอัมพาตบางส่วน หรือทั้งตัวพบได้น้อย ส่วนโรคอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปอดชื้นเป็นภาวะที่พบได้บ่อยมาก มักเกิดแทรกซ้อนขึ้นเมื่อสุนัขมีความอ่อนแอจากการติดเชื้อไวรัสไข้หัด

        ลูกสุนัข หรือสุนัขที่มีอายุน้อยมักจะไวต่อการติดเชื้อ แต่โรคนี้ก็สามารถเกิดขึ้นในสุนัขที่มีอายุมากได้เช่นกัน แต่พบได้น้อยกว่า นั่นหมายความว่าโรคไข้หัดสุนัขพบได้ในสุนัขทุกอายุ

        แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ไวต่อการติดเชื้อไข้หัดสุนัข ส่วนโรค "ไข้หัดแมว หรือ feline distemper" เป็นโรคที่แตกต่างไปจากโรคไข้หัดสุนัข เนื่องจากเกิดจากเชื้อไวรัสต่างชนิดกัน โรคตับอักเสบชนิดติดต่อเป็นอีกโรคหนึ่งที่พบในสุนัข โรคนี้ในบางครั้งสามารถพบได้ว่าสุนัขมีการติดเชื้อพร้อมกับโรคไข้หัดสุนัขได้ ทั้งโรคไข้หัดสุนัขและโรคตับอักเสบติดต่อในสุนัขไม่ติดคน

        ไข้หัดมีผลต่อสุนัขอย่างไร

        โรคไข้หัดสุนัขเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงสำหรับสุนัขเกิดจากเชื้อไวรัสขนาดเล็ก

        เชื้อไวรัสไข้หัดสุนัขติดต่อได้ด้วยการสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งจากตาและจมูกของสุนัขที่ป่วยเป็นโรคนี้ แต่การสัมผัสกับน้ำปัสสาวะและอุจจาระของสุนัขที่ป่วยสามารถทำให้ติดโรคนี้ได้เหมือนกัน สุนัขปกติสามารถติดเชื้อได้โดยที่ไม่ได้สัมผัสกับสุนัขที่เป็นไข้หัดสุนัขก็ได้ คอกสุนัข หรือบริเวณที่สุนัขเล่น หรืออยู่ของสุนัขป่วยอาจจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อไปยังสุนัขปกติได้ การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัขสามารถแพร่ไปได้โดยทางอากาศและวัตถุสิ่งของต่างๆ

        อาการป่วยของสุนัขที่ป่วยด้วยโรคไข้หัดสุนัขมักมีไม่มีรูปแบบที่แน่นอน ด้วยเหตุนี้ในบางครั้งทำให้วินิจฉัยได้ช้า ทำให้การรักษาทำได้ช้ากว่าปกติ หรือละเลยโรคนี้ไป เนื่องจากในบางครั้งสุนัขจะมีอาการเหมือนกับเป็นหวัดอย่างรุนแรง สุนัขส่วนใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคนี้ มักมีไข้สูงและสุนัขบางตัวอาจจะพบอาการของหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบและมีอาการกระเพาะอาหารอักเสบและลำไส้อักเสบอย่างรุนแรงอย่างรุนแรงได้

        อาการที่พบได้ในระยะแรกๆ ของการติดเชื้อไข้หัดสุนัขคือ เจ้าของอาจจะพบว่าสุนัขมีอาการตาอักเสบ ไม่สู้แสง มีขี้ตามาก สุนัขมีน้ำหนักตัวลด ไอ อาเจียน และมีน้ำมูก บางครั้งอาจจะพบว่าสุนัขมีอาการท้องเสียร่วมด้วย การติดเชื้อในระยะท้ายๆ มักจะพบว่าเชื้อไวรัสมีการเข้าไปอยู่ในระบบประสาท ทำให้สุนัขมีอาการอัมพฤกษ์ มีอาการชักกระตุก เกร็งได้ สุนัขที่ป่วยด้วยโรคนี้มักจะซึม ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการกินอาหารด้วย

        ในบางครั้ง หรือในสุนัขบางตัวสุนัขป่วยอาจจะแสดงอาการไม่มาก หรือไม่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้ เช่น สุนัขอาจจะมีไข้เพียงเล็กน้อยเป็นระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ หรือถ้ามีภาวะปอดชื้น หรือมีการอักเสบของลำไส้ หรืออาการอื่นๆ เกิดขึ้น มีผลทำให้การฟี้นตัวของสุนัขในกลุ่มนี้ยาวนานออกไป (สุนัขกลุ่มนี้มักไม่ตาย) ปัญหาทางระบบประสาทมักจะพบได้ภายหลังจากที่สุนัขฟื้นตัวจากการป่วย(หลายสัปดาห์) ในสุนัขบางรายเชื้อไวรัสจะทำให้มีการเจริญของ tough keratin cells ของฝ่าเท้า ทำให้ฝ่าเท้าหนาและแข็ง

        โรคไข้หัดสุนัขเป็นโรคที่พบได้อย่างแพร่หลายและอาการป่วยจากการติดเชื้อค่อนข้างผันแปร มีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง ดังนั้นควรนำสุนัขที่สงสัยว่าป่วยไปพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจและวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องเป็นการดีที่สุด

        การป้องกัน

        สุนัขที่รอดชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัขมักจะมีภูมิต้านทานที่เพียงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อไวรัส สุนัขจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกสุนัขมักจะตายจากการติดเชื้อไวรัสนี้ การป้องกันโรคที่ดีที่สุดคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรค แต่ยังไม่มีวัคซีนชนิดใดเลยที่สามารถจะให้ภูมิคุ้มกันได้ตลอดชีวิตของสุนัข ดังนั้นสุนัขจึงต้องมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเป็นประจำทุกปี

        ลูกสุนัขที่เกิดมาจะมีภูมิคุ้มกันโรคนี้ในระดับหนึ่ง ภูมิคุ้มกันนี้เป็นภูมิคุ้มกันที่ได้รับมาจากแม่สุนัขหลังจากที่คลอดออกมาแล้ว ผ่านทางนมน้ำเหลือง(ไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังคลอด) ดังนั้นระดับภูมิคุ้มกันของลูกสุนัขจึงขึ้นอยู่กับภูมิกันของแม่สุนัข โดยทั่วไปมักมีระดับไม่สูงมากนัก ภูมิคุ้มกันที่รับจากแม่สุนัขผ่านทางนมน้ำเหลืองนี้จะลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อลูกสุนัขอายุประมาณ 8 วันระดับภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากแม่จะลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง และลดลงประมาร 3 ใน 4 หรือ 75 เปอร์เซ็นต์ที่อายุประมาณ 2 สัปดาห์

        ดังนั้นการฉีดวัคซีนให้กับลูกสุนัขจึงมักกระทำเมื่อระดับภูมิคุ้มกันจากแม่หมดไป ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันในกระแสเลือด แต่โดยทั่วไปมักจะทำการฉีดวัคซีนเข็มแรก เมื่อลูกสุนัขอายุประมาณ 8 สัปดาห์

    การมีสุขภาพดีของสุนัข

    สัตว์เลี้ยงที่มีสุขภาพดีจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นเพื่อนที่มีความสุข เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสัตว์เลี้ยงของท่านมีชีวิตที่ดี เจ้าของสัตว์จะต้องให้ความใส่ใจในการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างใกล้ชิดและควรทำเป็นประจำ เพื่อลดโอกาสการป่วยของสัตว์ ดังนั้นเจ้าของสุนัขควรปรึกษา หรือนำสัตว์ไปพบสัตวแพทย์ เมื่อพบว่า สุนัขมีอาการต่างๆ เหล่านี้

        * พบมีสิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกติออกจากจมูก ตา หรือช่องเปิดอื่นๆของร่างกาย
        * สัตว์เลี้ยงไม่กินอาหาร มีน้ำหนักลดลง หรือกินน้ำมากขึ้นกว่าปกติ
        * ขับถ่ายลำบาก หรือผิดปกติ หรือไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้
        * พบมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ หรือพบมีความดุร้ายขึ้นอย่างกระทันหัน หรืออ่อนเพลีย
        * พบมีก้อนผิดปกติ เดินกระโผลกกระเผลก ลุกหรือนอนลำบาก
        * มีการสั่นหัวมากผิดปกติ เกา หรือเลีย หรือกัดแทะตามลำตัวมากผิดปกติ
        * มีรังแค ขนร่วง มีแผลกดทับ หรือมีขนหยิกหยอง หยาบไม่มันวาว
        * ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น หรือพบมีหินปูนเกาะที่ฟันมาก




fr: http://www.vet.ku.ac.th/library-homepag ... dog/CD.htm

jjkungzaa@chiangrai

Re: น้องหมาก็มีหัวใจนะ(5),รวมรายชื่อโรงแรมสุนัข,กำเนิด โกลเดน รีทริฟเวอร

โพสต์โดย jjkungzaa@chiangrai » พฤหัสฯ. 02 ส.ค. 2007 9:40 pm

น้องหมาก็มีหัวใจนะ ผมก็มี ;D ;D ;D

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

โรคลำไส้อักเสบติดต่อ หรือการติดเชื้อพาโวไวรัสในสุนัขคืออะไร

โพสต์โดย kobana » พฤหัสฯ. 02 ส.ค. 2007 9:44 pm

โรคลำไส้อักเสบติดต่อ หรือการติดเชื้อพาโวไวรัสในสุนัขคืออะไร

  ตั้งแต่ปี 2521 หรือปี ค.ศ. 1978 มีรายงานพบว่าสุนัขทุกอายุ รูปภาพทุกเพศและทุกพันธุ์สามารถเป็นไวรัสที่สามารถติดต่อที่รุนแรงที่ทำลายระบบทางเดินอาหาร เม็ดเลือดขาว และในสุนัขบางตัวจะมีผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจ เกิดจากการติดเชื้อพาโวไวรัส (parvovirus: CPV)ปัจจุบันเรียกโรคนี้ว่า โรคติดเชื้อพาโวไวรัสในสุนัข หรือโรคลำไส้อักเสบติดต่อ (canine parvoviral infection) ซึ่งมีการระบาดทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย

    การติดเชื้อพาโวไวรัสสามารถแพร่กระจายจากสุนัขตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่ง การติดต่อมีโอกาสมากขึ้นเมื่อสุนัขไปอยู่รวมกันมาก เช่น ในงานประกวดสุนัข โรงเรียนฝึกสุนัข คอกผสม หรือร้านขายผลิตภัณฑ์ของสุนัข สนามเด็กเล่น หรือบริเวณอื่นๆ ที่เป์นที่อยู่ที่เล่น หรือแหล่งรวมสุนัขก็จะเป็นแหล่งที่ทำให้สุนัขปกติไปรับเชื้อมาจากการสัมผัสได้

    สุนัขที่เลี้ยงไว้ในบ้าน หรือไว้ในคอก ในสวนมีโอกาสที่จะสัมผัส หรือเล่นกับสุนัขตัวอื่นได้ยาก จะมีโอกาสที่จะสัมผัสติดเชื้อไวรัสได้ยาก การติดเชื้อพาโวไวรัสสามารถติดต่อได้กับสุนัขด้วยกัน หรือสัตว์ในตระกูลสุนัข โรคลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อพาโวไวรัสจะเกิดขึ้นเฉพาะแต่สุนัข หรือสัตว์ในตระกูลสุนัขเท่านั้น จะไม่ก่อให้เกิดโรคลำไส้ใน สัตว์ชนิดอื่นๆ หรือคน แต่สัตว์ชนิดอื่นๆ หรือคนสามารถที่จะเป็นพาหะนำเชื้อพาโวไวรัสมาติดกับสุนัขของตนเองได้

    สุนัขสามารถติดเชื้อได้จากอุจจาระของสุนัขที่ป่วยเป็นโรค หรือของเหลวที่สุนัขป่วยอาเจียนออกมา ในอุจจาระของสัตว์ป่วยจะพบมีเชื้ออยู่จำนวนมาก พาโวไวรัสเป็นไวรัสที่มีความทนทานต่อสิ่งแวดล้อมมาก ไวรัสสามารถ มีชีวิตอยู่นอกตัวสัตว์ หรือในสิ่งแวดล้อมได้เป็นระยะเวลานาน ไวรัสสามารถแพร่กระจายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ด้วย การติดไปกับขน ผม หรือเท้าของสุนัขที่ป่วย หรือติดเชื้อ หรือเชื้อไวรัสอาจจะปนเปื้อนไปกับกรง รองเท้า หรือวัตถุสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ


    เราจะทราบได้อย่างไรว่าสุนัขติดเชื้อพาโวไวรัส   

รูปภาพ
    อาการเริ่มแรกของสุนัขที่ติดเชื้อพาโวไวรัสคือ ซึม เบื่ออาหาร อาเจียนและท้องเสีย อย่างรุนแรง อุณหภูมิของร่างกายอาจจะสูงขึ้น อุณหภูมิของร่างกายที่วัดจากทวารหนักของสุนัข มีค่าประมาณ 101? - 102?F อาการป่วยดังกล่าวมักจะปรากฎขึ้นภายหลังจากที่สุนัขได้รับเชื้อ ไวรัสได้ประมาณ 5-7 วัน ในระยะแรกของการติดเชื้อ(แสดงอาการแล้ว) อุจจาระของสุนัขจะมีลักษณะเหลวมีสีออกเทา หรือเหลืองเทา (yellow-gray) ในบางครั้งอาการแรกเริ่มสุนัขอาจจะถ่ายเหลวโดยมีเลือดปนออกมาได้

    เมื่อสุนัขมีการถ่ายเหลว หรืออาเจียนอย่างรุนแรง ทำให้สุนัขสูญเสียน้ำและเกลือแร่ออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว สุนัขป่วยบางตัวจะมีอาการอาเจียนอย่างรุนแรงและถ่ายอุจจาระเป็นน้ำสีน้ำตาลจนถึงสีแดง(มีเลือดปน)พุ่งจนตายได้ ในสุนัขบางตัวอุจจาระอาจจะมีลักษณะเหลวเท่านั้นและสามารถฟื้นตัวจากการป่วยได้ อาการป่วยมักพบว่า ลูกสุนัขจะแสดงอาการป่วยรุนแรงกว่าสุนัขโต

    รูปภาพสุนัขมักจะตายภายใน 48-72 ชั่วโมงหลังจากที่เริ่มแสดงอาการ ลูกสุนัขมักจะตายด้วยภาวะช๊อค โดยมักจะเกิดขึ้นหลังการติดเชื้อประมาณ 1-2 วัน ในอดีตพบว่าลูกสุนัขอายุน้อยกว่า 5 เดือนมีอัตราการป่วยค่อนข้างสูงและประมาณ 2-3 เปอร์เซ็นต์จะตายจากการติดเชื้อนี้ ปัจจุบันเนื่องจากมีการฉีดวัคซีนกันอย่างแพร่หลาย อัตราการป่วยและอัตราการตายจากการติดเชื้อจึงลดลง เว้นแต่เจ้าของ สุนัขไม่ค่อยสนใจฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับสุนัขเป็นประจำ โอกาสป่วยเป็นโรคจึงมีมากขึ้น

    ลูกสุนัขช่วงระหว่างหย่านม (1 เดือน)ถึงอายุ 6 เดือนเป็นช่วงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรค มีรายงานการศึกษาพบว่า สุนัขบางพันธุ์จะแสดงอาการป่วยที่มีความรุนแรงในบางสายพันธุ์ เช่น ร๊อตไวเลอร์ และโดเบอร์แมนพิ้นเชอร์

    อาการป่วยของสุนัขที่ติดเชื้อพาโวไวรัสอีกรูปแบบหนึ่งนอกเหนือไปจากการแสดงอาการของลำไส้อักเสบ คือ การเกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ(myocarditis) ในลูกสุนัขที่มีอายุน้อยกว่า 3 เดือน ลูกสุนัขที่ป่วยในรูปแบบนี้มักจะไม่ แสดงอาการท้องเสีย เนื่องจากเชื้อไวรัสจะมีการเจริญ หรือแบ่งตัวอย่างรวดเร็วในกล้ามเนื้อหัวใจของลูกสุนัข

    ลูกสุนัขที่มีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจอันเนื่องมาจากการติดเชื้อพาโวไวรัสจะมีอาการซึม ไม่ดูดนมเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะเสียชีวิต ยังไม่มีการรักษาใดที่จำเพาะต่อการติดเชื้อในรูปแบบนี้ ลูกสุนัขที่รอดชีวิตจากการติดเชื้อจะพบว่ามีความเสียหายของหัวใจ แต่ลูกสุนัขอาจจะจะตาย ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวหลังรอดจากการติดเชื้อในเวลาต่อมา(เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน)


    โรคลำไส้อักเสบติดต่อในสุนัขสามารถวินิจฉัยและรักษาได้อย่างไร

    การวินิจฉัยจะอาศัยอาการทางคลินิก แต่ทั้งนี้ต้องแยกโรคให้ได้จากภาวะที่ทำให้สุนัข ท้องเสียและอาเจียนอื่นๆ แต่สิ่งที่อาจจะแสดงให้เห็นว่าสุนัขติดเชื้อพาโวไวรัสคือ การแพร่กระจายของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว การตรวจวินิจฉัยยีนยันสามารถทำได้ด้วยการแยกเชื้อไวรัสจากอุจจาระ อย่างไรก็ตามยังไม่ยาชนิดใดที่จำเพาะที่ใช้ในการฆ่าเชื้อไวรัสชนิดนี้

    การรักษาการโรคติดเชื้อพาโวไวรัสควรเริ่มทันทีเมื่อวินิจฉัยว่าสัตว์แสดงอาการป่วย โดยเริ่มจากการให้สารน้ำเพื่อทดแทนภาวะการสูญเสียของเหลวและเกลือแร่ของร่างกาย ควบคุมอาการอาเจียนและท้องเสียของสุนัขป่วยและป้องการติดเชื้อแทรกซ้อนด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ

    ควรให้ความอบอุ่นกับร่างกายของสุนัขป่วยและให้การดูแลอย่างใกล้ชิด.

    การป้องกันโรคลำไส้อักเสบติดต่อในสุนัข

    การป้องกันโรคลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อพาโวไวรัสสามารถทำได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกัน โดยปกติในลูกสุนัขมักจะเริ่มต้นฉีดเมื่ออายุประมาณ 6-8 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะฉีดวัคซีนกระตุ้นอีกครั้งที่อายุประมาร 10-12 สัปดาห์(ห่างจากครั้งแรกประมาณ 1 เดือน) เพื่อให้มีระดับภูมิคุ้มกันสูงเพียงพอสำหรับการป้องกันโรค วัคซีนป้องกันโรคนี้มีทั้งแบบที่แยกเป็นวัคซีนชนิดนี้เพียงอย่างเดียว หรือรวมอยู่กับวัคซีนชนิดอื่น เช่น ไข้หัด ตับอักเสบ เลปโตสไปโรซิส หวัด เป็นต้น ซึ่งเรียกวัคซีนประเภทนี้ว่า วัคซีนรวม หลังจากนั้นจึงฉีดวัคซีนประจำทุกปี ซึ่งควรสอบถามสัตวแพทย์ถึงโปรแกรมการฉีดในลำดับต่อไปด้วย

    กรณีที่สุนัขที่เลี้ยงเกิดป่วยติดเชื้อพาโวไวรัส ต้องทำความสะอาดบริเวณกรง หรือคอก หรือที่อยู่ของสุนัขป่วย เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ด้วยยาฆ่าเชื้อ พวกสารละลายโซเดียมไฮโดรคลอไรต์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของยาฆ่าเชื้อที่มีใช้อยู่ในบ้าน อยู่แล้ว(ยาทำความห้องน้ำ ครัว) อย่าลืมว่าเชื้อพาโวไวรัสนี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสิ่งแวดล้อมได้เวลานานเป็นเดือนๆ

    เจ้าของสุนัขควรป้องกันไม่ให้สุนัขไปสัมผัสกับสิ่งขับถ่ายของสุนัขอื่นๆ เมื่อนำมันออกไปนอกบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุนัขที่มีอายุไม่เกิน 6 เดือนควรระมัดระวังอย่างยิ่ง สิ่งปฏิกูล หรือสิ่งขับถ่ายของสุนัขควรกำจัดทิ้งให้เร็วที่สุดไม่ควรกัก หมักหมมไว้ ถ้าเป็นไปได้ควรตรวจสอบดูสิ่งขับถ่ายของสุนัขข้างบ้านด้วย และควรแนะนำให้ปฏิบัติตาม สุนัขจะได้ปลอดภัยไม่นำเชื้อมาให้กันและกัน

    ถ้าไม่แน่ใจว่าสุนัขของเรากำลังจะป่วยด้วยการติดเชื้อพาโวไวรัส หรือโรคลำไส้อักเสบหรือไม่ ควร ปรึกษาสัตวแพทย์ การลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อพาโวไวรัสที่ดีที่สุดคือป้องกันสุนัขไม่ให้ไปสัมผัสกับสุนัขอื่นๆ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการแพร่ระบาดของโรคนี้
    คำแนะนำสำหรับการเลี้ยงดูให้สุนัขมีสุขภาพดี

    สัตว์เลี้ยงที่มีสุขภาพดีจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นเพื่อนที่มีความสุข เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสัตว์เลี้ยงของท่านมีชีวิตที่ดี เจ้าของสัตว์จะต้องให้ความใส่ใจในการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างใกล้ชิดและควรทำเป็นประจำ เพื่อลดโอกาสการป่วยชองสัตว์ ดังนั้นเจ้าของสุนัขควรปรึกษา หรือนำสัตว์ไปพบสัตวแพทย์ เมื่อพบว่า สุนัขมีอาการต่างๆ เหล่านี้

        * พบมีสิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกติออกจากจมูก ตา หรือช่องเปิดอื่นๆของร่างกาย
        * สัตว์เลี้ยงไม่กินอาหาร มีน้ำหนักลดลง หรือกินน้ำมากขึ้นกว่าปกติ
        * ขับถ่ายลำบาก หรือผิดปกติ หรือไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้
        * พบมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ หรือพบมีความดุร้ายขึ้นอย่างกระทันหัน หรืออ่อนเพลีย
        * พบมีก้อนผิดปกติ เดินกระโผลกกระเผลก ลุกหรือนอนลำบาก
        * มีการสั่นหัวมากผิดปกติ เกา หรือเลีย หรือกัดแทะตามลำตัวมากผิดปกติ

    ลูกสุนัขที่ติดเชื้อพาโวไวรัสที่ทำให้มีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจมักจะมีอาการซึมและไม่ยอมดูดนมและตายอย่างรวดเร็ว ลูกสุนัขบางตัวอาจตายในอีกหลายวันต่อมา การติดเชื้อในลักษณะนี้ ยังไม่มีวิธีการรักษาที่จำเพาะ ลูกสุนัขที่รอดชีวิตจะพบมีความเสียหายของหัวใจบางส่วน(ถาวร) ลูกสุนัขบางตัวอาจจะ ตายด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวในอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนต่อมา หลังจากที่หายป่วยแล้ว


fr:  http://www.vet.ku.ac.th/library-homepag ... dog/PV.htm

kobana
Subper Genius Membership
Subper Genius Membership
โพสต์: 17537
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ม.ค. 2007 3:00 pm

Re: น้องหมาก็มีหัวใจนะ(5),รวมรายชื่อโรงแรมสุนัข,กำเนิด โกลเดน รีทริฟเวอร

โพสต์โดย kobana » พฤหัสฯ. 02 ส.ค. 2007 9:47 pm

jjkungzaa@chiangrai เขียน:น้องหมาก็มีหัวใจนะ ผมก็มี ;D ;D ;D



ค่า ทราบแล้วค่ะว่ามี  ถ้าไม่มี ก็ยุ่ง สิคะ

แต่ก็ต้องระวัง ว่า มีหัวใจ แต่ ไร้ หัวใจ นะคะ


ย้อนกลับไปยัง

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: 220 และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน