เรียนจบใหม่วางแผนซื้อบ้านยังไงดี

รวมความรู้ บทความ วิธีการเลือกซื้อบ้าน ที่อยู่อาศัย การตกแต่งบ้าน การดูแล คอนโด
around me
Newbie
Newbie
โพสต์: 21
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 17 พ.ย. 2017 3:32 pm

เรียนจบใหม่วางแผนซื้อบ้านยังไงดี

โพสต์โดย around me » ศุกร์ 17 พ.ย. 2017 4:21 pm

รูปภาพ

ไม่ว่าจะทำงานมาแล้วหลายปีหรือคนเพิ่งจบใหม่เริ่มทำงานไม่นาน หากตัดสินใจจะ ซื้อบ้าน ด้วยเงินผ่อน (กู้ธนาคาร) ก็ต้องวางแผนการเงินด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งเตรียมการล่วงหน้านานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ฉะนั้นคนที่เรียนจบและเริ่มทำงานถ้าสามารถวางแผนการเงินได้ตั้งแต่ตอนนั้นก็จะยิ่งดี

ออม 10% ใช้จ่ายไม่ควรเกิน 50%
อันดับแรกที่ต้องพิจารณาคือค่าใช้จ่ายที่จำเป็น กำหนดไว้ไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าของใช้ส่วนตัว เป็นต้น และต้องออมเงินให้ได้อย่างน้อย 10%
นอกจากนี้ต้องจัดสรรเงินอีกไม่เกิน 40% ของรายได้ไว้เป็นค่างวดผ่อนบ้านด้วย (เพราะหลักการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารส่วนใหญ่กำหนดอัตราค่าผ่อนชำระต่องวดไม่เกิน 30-40% ของรายได้)
ดังนั้นสำหรับคนเรียนจบใหม่ที่สตาร์ทเงินเดือนขั้นต่ำประมาณ 20,000 บาท และกำลังเตรียมตัวจะซื้อบ้านหรือคอนโดก็ไม่ควรจะมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเกิน 10,000 บาทต่อเดือน เพราะจะต้องสำรองเงิน 40% ของรายได้ หรือประมาณ 8,000 บาทไว้จ่ายเป็นค่างวดผ่อนบ้าน
นอกจากนี้ต้องไม่ลืมว่าธนาคารจะปล่อยกู้ไม่เกิน 80-85% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน ดังนั้นเงินส่วนต่างของค่าบ้านอีก 15-20% เราต้องเก็บออมเอาไว้ก่อน
ประเมินเบื้องต้นถ้ามีรายได้ 20,000 บาท จะสามารถซื้อบ้านหรือคอนโดฯ ได้ในราคา 1.4 ล้านบาท แต่วงเงินกู้ที่จะได้รับอนุมัติจากธนาคารจะอยู่ที่ 1.1 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้นผู้กู้จะต้องเก็บเงินออมไว้ประมาณ 280,000 บาทสำหรับจ่ายเป็นค่าผ่อนดาวน์ หากทำได้แบบนี้เรื่องกู้ซื้อบ้านก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากค่าบ้าน
สำหรับคนกู้ซื้อบ้านนอกจากค่าใช้จ่ายหลักๆ ที่ต้องผ่อนชำระรายเดือนให้ธนาคารแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นเงินจำนวนไม่น้อยที่ต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าเช่นกัน เพื่อจ่ายให้กับกรมที่ดินบ้าง หรือจ่ายให้กับธนาคารในระหว่างยื่นกู้ด้วย เช่น
* ค่าใช้จ่ายกับโครงการ เช่น เงินจองซื้อและค่าสัญญา ค่าเงินกองทุนส่วนกลาง ค่าประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟและค่าประกันภัย เป็นต้น
* ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมไว้จ่ายให้กับกรมที่ดินในวันโอน เช่น ค่าจดจำนอง 1% ของเงินกู้ ค่าธรรมเนียมการโอน 2% และค่าอากร 0.5%
* ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้กับธนาคาร เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ 2,000-4,000 บาท เบี้ยประกันอัคคีภัยที่จะเรียกเก็บล่วงหน้า 3-5 ปี รวมถึงเบี้ยประกันสินเชื่อ MRTA (ในบางกรณี)
* ค่าตกแต่ง ค่าเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงค่าขนย้ายเข้าบ้านใหม่ เป็นต้น
นอกจากค่าใช้จ่ายเหล่านี้ที่ต้องเตรียมเก็บไว้ล่วงหน้าแล้ว ยังมีเงินอีกส่วนหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้าม นั่นคือวงเงินสำรองล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งควรเตรียมไว้เพื่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ถูกให้ออกจากงานกะทันหัน จะได้นำเงินก้อนนี้มาผ่อนชำระไปพลางๆ ระหว่างหางานใหม่
ดังนั้นเบ็ดเสร็จแล้วหากซื้อบ้านประมาณ 1.4-1.5 ล้านบาท เราอาจต้องมีเงินก้อนเก็บไว้เต็มที่ถึง 400,000 บาท ถ้าทำได้แบบนี้ก็สบายใจหายห่วงได้ แต่ถ้าทำไม่ได้หรือเก็บได้ไม่ถึง หากเกิดเหตุไม่คาดคิดโอกาสที่จะถูกฉุดเข้าวงจร “หนี้” ก็อาจเป็นไปได้


ติดตามข้อมูลโครงการและความเคลื่อนไหวด้านอสังหาฯมือสอง

ย้อนกลับไปยัง

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: 25 และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน