การใช้ประโยชน์พื้นที่ส่วนกลางหมู่บ้านจัดสรร

[aloniix]

ในเบื้องต้นคงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าพื้นที่ส่วน กลางของบ้านจัดสรรหมายถึงส่วนใด ตามกฎหมาย (พ.ร.บ. การจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 และ กฎกระทรวงว่าด้วยการจดทะเบียนจัดตั้ง การบริหาร การควบและการยกเลิกนิติบุคคล พ.ศ.2545) ได้กล่าวไว้ใน มาตรา 43 ทำความเข้าใจง่ายๆ ก็หมาย ถึงพื้นที่นอกบ้านนั่นแหละ แต่หากจะพูดกันตามกฎหมายแล้ว คือ สาธารณูปโภคนั่นเอง สาธารณูปโภคตาม มาตรา 43 ก็คือ ถนน สวน สนามเด็กเล่น

ดังนั้น หากหมู่บ้านจัดสรรได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรตามกฎหมายแล้ว สาธารณูปโภคดังกล่าวก็ถือเป็นทรัพย์สินของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร สมาชิกในหมู่บ้านสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ทุกคน และต้องร่วมกันชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

แต่เท่าที่เห็นส่วนใหญ่หลายๆ หมู่บ้านมีสมาชิกบางกลุ่มนำพื้นที่ดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว อาทิ ถนนหน้าบ้าน การจอดรถกีดขวาง การนำกระถางต้นไม้มาวาง หนักกว่านั้นนำโต๊ะเก้าอี้มาตั้งซะงั้น นี่ยังไม่รวมถึงกรณีร้านค้านะ บางรายติดตั้งมูลี่กันสาดก็มี เดือดร้อนคนอื่น

นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรปัจจุบันนี้หลายท่านรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว ส่วนใหญ่ เมื่อเจ้าของโครงการขายบ้านหมดเกลี้ยงแล้ว สมาชิกในหมู่บ้านจะผลักดันให้มีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร เหตุเพราะมีผลดีมากกว่าผลเสีย ดังนั้นเมื่อมีนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรเกิดขึ้นแล้ว สมาชิกคนใดกระทำการละเมิดฝ่าฝืนกฎระเบียบต่างๆ ที่ระบุไว้ในข้อบังคับของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ย่อมไม่สามารถกระทำได้ หากฝ่าฝืนก็จะมีบทลงโทษกฎหมายระบุว่าผู้ซื้อบ้านจัดสรรหรือที่ดินจัดสรรทุกรายจะกลายเป็นสมาชิกนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรโดยอัตโนมัติ เพื่อร่วมเสนอแนะกฎเกณฑ์การอยู่อาศัย การใช้พื้นที่ส่วนกลาง ฯลฯ

หน้าที่สำคัญของสมาชิกนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ก็คือ ร่วมกันชำระค่าส่วนกลางและปฏิบัติตนตามระเบียบข้อบังคับของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรฯ การรุกล้ำหรือการเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ส่วนกลางก็เป็นประเด็นปัญหาในหลายโครงการ ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพ กรณีบ้านแบบทาวน์เฮาส์ ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องมีช่องว่างระหว่างแปลง ก็มีสมาชิกที่ซื้อที่ดินติดกับแปลงช่องว่างดังกล่าว เข้าไปยึดครองพื้นที่แปลงช่องว่างโดยการสร้างหลังคาทำเป็นที่จอดรถ บางรายทำเป็นพื้นที่สวนปลูกต้นไม้ นำเก้าอี้/โต๊ะ มาตั้งวางบ้าง การกระทำดังกล่าวถือเป็นการรุกล้ำพื้นที่ส่วนกลาง สร้างปัญหาให้กับคณะกรรมการฯ บางรายหัวหมอข่มขู่กรรมการ ซ้ำอีก บุคคลที่ชอบทำตัวอยู่เหนือกฎกติกา หาช่องว่างเข้าหาประโยชน์ ถือว่าเอาเปรียบผู้อื่น ดังนั้นเราต้องร่วมมือร่วมใจกันสร้างสังคมของเราให้น่าอยู่ กฎหมายต้อง อยู่เหนือกฎหมู่

แต่บางกรณีก็อาจจะเป็นบุญวาสนาโชคช่วยหรืออะไรทำนองนั้น หากเราได้เพื่อนบ้านที่ดีเราก็อยู่อย่างมีความสุข แต่หากได้เพื่อนบ้านแบบ............... เราก็อยู่แบบมีความทุกข์ อันนี้คงต้องปลง แต่ด้วยอุปนิสัยของคนไทยที่มีความอ่อนโยน โอบอ้อมอารี เอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ โอนอ่อนและผ่อนปรน อีกทั้งการมีน้ำจิตน้ำใจให้แก่กันเป็นที่ตั้งแล้วนั้น ผมว่าบ้านของเราคงอยู่กันแบบสงบสุข

ดังนั้นหากทุกคนรู้จักคำว่า “พอเพียง” และ “เพียงพอ” แล้ว ผมว่าการเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ซึ่งไม่ใช่ของเราจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นนอน..


ที่มา : siamturakij.com